
ทำงานนานๆ อาจส่งผลต่อสุขภาพที่เราคาดไม่ถึงเลยนะคะ เคยสังเกตไหมว่าบางทีนั่งทำงานเพลินๆ แล้วรู้สึกเมื่อยๆ ปวดๆ ตามตัว นั่นแหละค่ะสัญญาณเตือนจากร่างกายของเรา จริงๆ แล้วอาจเป็นอาการเริ่มต้นของ ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่กำลังฮิตฮอตในหมู่คนทำงานยุคนี้ เจ้าออฟฟิศซินโดรมเนี่ย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะคะ ถ้าปล่อยไว้นานๆ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้เลย เพราะการที่เรานั่งทำงานท่าเดิมๆ นานๆ โดยไม่ค่อย ขยับเขยื้อน ร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อของเราทำงานหนักเกินไป ใช้งานซ้ำๆ จนเกิดปัญหาเนื้อเยื่อและเอ็นอักเสบตามมา
บางคนอาจจะแค่ปวดเมื่อยเล็กน้อย แต่บางคนก็อาจจะปวดร้าว ชา ไปทั้งแขน ขา หลัง จนถึงขั้นขยับร่างกายลำบาก ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันสุดๆ บทความนี้เลยอยากจะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับออฟฟิศซินโดรมให้มากขึ้น มาดูกันว่าอาการเป็นยังไง สาเหตุมาจากอะไร แล้วเราจะป้องกันและดูแลตัวเองจากภัยเงียบนี้ได้อย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ
ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร? (ทำความเข้าใจกันก่อน)
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ออฟฟิศซินโดรม แต่จริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่?
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ไม่ได้จัดว่าเป็นโรคนะคะ แต่เป็น กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง อาการหลักๆ คือ ปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจากการที่เรา ใช้งานกล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ ต่อเนื่องกันนานๆ โดยที่เรา ไม่ค่อยได้เปลี่ยนท่าทาง หรือ นั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เนื้อเยื่อและเอ็นเกิดการอักเสบได้ง่าย
จะว่าไปแล้ว ออฟฟิศซินโดรมเนี่ย ฮิตในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศมากๆ โดยเฉพาะคนที่ต้องนั่งทำงานนานๆ ไม่ว่าจะนั่งพิมพ์งาน นั่งจ้องคอมพิวเตอร์ทั้งวัน หรือแม้แต่คนที่ชอบใช้มือถือเป็นเวลานานๆ แต่จริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่พนักงานออฟฟิศที่มีอาการนะคะ คนที่ใช้แรงงานหนัก ยกของหนัก นักกีฬา หรือแม้แต่ คุณผู้หญิงที่ชอบใส่ส้นสูงยืนนานๆ ก็มีสิทธิ์เป็นออฟฟิศซินโดรมได้เหมือนกัน โดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
ทำไมออฟฟิศซินโดรม ถึงต้องใส่ใจ? (อย่ามองข้ามนะคะ)
ออฟฟิศซินโดรมเ ส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากอาการเล็กๆ น้อยๆ ที่เราอาจจะมองข้ามไป เช่น เกร็งกล้ามเนื้อบ่อยๆ นานๆ เวลาเรานั่งทำงาน พิมพ์งานหน้าคอมฯ เราอาจจะไม่ทันสังเกตตัวเองเลยว่า เรานั่งท่าเดิมนานแค่ไหน ได้ ขยับเขยื้อน เปลี่ยนท่าทางบ้างรึเปล่า หรือได้ยืดเส้นยืดสายระหว่างวันบ้างไหม
ลองคิดดูนะคะ ถ้าเรา เกร็งตัวทำงานท่าเดิมๆ ซ้ำๆ ทุกวัน กล้ามเนื้อของเราก็จะ ตึงเครียด แล้วก็จะเริ่มมีอาการปวดเจ็บแปล๊บๆ เพราะกล้ามเนื้อเริ่มอักเสบแล้ว บางคนอาจจะเริ่มจากปวดเบาๆ แค่รู้สึกรำคาญ แต่เชื่อไหมคะว่า ถ้าเรายังทำพฤติกรรมเดิมๆ ไม่ปรับเปลี่ยน ไม่ดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี อาการเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะลุกลามใหญ่โตส่งผลเสียตามมาอีกเยอะแยะเลยค่ะ
8 สัญญาณเตือนออฟฟิศซินโดรม (เช็กอาการด่วน!)
สำหรับคนที่เริ่มเป็นออฟฟิศซินโดรม อาการที่พบบ่อยๆ เลยก็คือ ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณ ไหล่ ต้นคอ สะบัก หลัง บางทีก็อาจจะปวดร้าวไปส่วนอื่นๆ ด้วย เช่น ปวดร้าวขึ้นศีรษะ ลงไหล่ ลามไปแขน หรือลงขา ซึ่งอาการปวดพวกนี้ เค้าจะสัมพันธ์กับพฤติกรรมที่เราทำซ้ำๆ ในชีวิตประจำวันของเราเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นนั่งทำงานท่าเดิมๆ แบกของหนัก หรือแม้แต่การออกกำลังกายที่ไม่ถูกวิธี
ที่สำคัญคือ อาการปวดจากออฟฟิศซินโดรมเนี่ย มักจะเป็นแบบเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย พอเราได้พักได้ยืดเส้นยืดสาย อาการก็อาจจะดีขึ้น แต่พอผ่านไปสักพักก็จะกลับมาเป็นอีก แถมบางทีอาจจะ ปวดหนักกว่าเดิมอีกด้วย นอกจากอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อแล้ว ออฟฟิศซินโดรมยังมีอาการอื่นๆ อีก 8 อย่างที่ควรสังเกตนะคะ
- ปวดกล้ามเนื้อ และเยื่อพังผืด เจอบ่อยสุดๆ ในคนที่เป็นออฟฟิศซินโดรม จะเริ่มจากปวดเมื่อยกล้ามเนื้อแถวๆ คอ บ่า ไหล่ สะบัก หลัง สะโพก ซึ่งอาการพวกนี้มักจะเป็นแบบเรื้อรังไม่หายขาดซะที
- เส้นประสาทที่ข้อมือถูกกดทับ เกิดจากการที่มีพังผืดตรงข้อมือด้านฝ่ามือไปกดทับเส้นประสาทแถวนั้นทำให้มีอาการ ปวด ชา ที่นิ้วมือ ฝ่ามือ หรือแขน
- นิ้วล็อก ใครที่ชอบเล่นเกมมือถือ เล่นมือถือบ่อยๆ ต้องระวังเลยค่ะ เพราะนิ้วล็อกเกิดจากการที่เราออกแรงที่นิ้วมากๆ ซ้ำๆ จนเกิดการเสียดสี อักเสบ ตรงปลอกหุ้มเอ็นและเส้นเอ็นนิ้วมือ ทำให้นิ้ว บวม ขยับยาก ติดขัด ล็อก เจ็บปวด ขยับนิ้วลำบาก อาการแบบนี้ เจอบ่อยในแม่บ้านเหมือนกันนะคะ
- เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ จะมีอาการ บวม เจ็บ ตรงบริเวณเอ็นกล้ามเนื้อ เช่น หัวไหล่ ข้อศอก ข้อเท้า เข่า ข้อมือ มักจะเกิดจากอุบัติเหตุกระแทก ใช้งานหนักเกินไปจนเอ็นอักเสบปวดมากๆ
- มีอาการตาแห้ง เป็นอาการยอดฮิตของชาวออฟฟิศเลยค่ะเพราะจ้องจอคอมฯ จอมือถือนานๆ ทำเอาต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติ วิธีแก้เบื้องต้นหยอดน้ำตาเทียม ช่วยได้ค่ะ
- มีอาการปวดตา ต่อเนื่องจากตาแห้งพอจ้องจอนานๆ ไม่พักก็ปวดตาแถมบางทีปวดหัวตามมาด้วย
- อาการปวดหัว ปวดหัวจากออฟฟิศซินโดรม ส่วนใหญ่จะตามมาจาก ปวดตา ตาแห้ง ลามขึ้นมาที่ศีรษะแต่บางทีก็เกิดจากกล้ามเนื้อบ่าตึง จน เลือดไปเลี้ยงหัวไม่สะดวก ก็ทำให้ วิงเวียนศีรษะ ได้เหมือนกัน
- อาการปวดหลัง ก็เจอเยอะ นั่ง ยืน ท่าไม่ดี นานๆ หรือ ใช้กล้ามเนื้อหลังหนักเกินไป เช่น แบกของหนัก ออกกำลังกาย ก็ทำให้ กล้ามเนื้อหลังบาดเจ็บปวดหลังได้
ผลกระทบจากออฟฟิศซินโดรม (อย่าประมาท!)
อาการปวดเมื่อยจากออฟฟิศซินโดรมเนี่ย นอกจากจะน่ารำคาญแล้ว ยังทรมานมากๆ ด้วยนะคะ แถมยังส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราอีกหลายด้านเลย เช่น
- ปวดคอ บ่า ไหล่ สะบัก ปวดจน ขยับร่างกายไม่ถนัด รู้สึก ตึงเกร็งไปหมด กล้ามเนื้อก็ ไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม รู้สึกหนักๆ บ่า หนักๆ ไหล่ ลามไปถึงแขน ปวดเกร็งคอ บางคนถึงขั้นเจ็บหนักเหมือนมีใครเอาหินมากดทับไว้ที่บ่า บางทีก็เจ็บแปล๊บๆ เหมือนโดนทุบเป็นจังหวะ ทรมานสุดๆ แถมอาการปวดพวกนี้ยังลามไปส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้อีก เช่น วิงเวียนศีรษะ เพราะเลือดลมไหลเวียนไม่ดี
- ต้องหยุดงาน พักงาน ถ้าออฟฟิศซินโดรมเป็นหนักๆ ถึงขั้นที่ว่าเล่ามาข้างต้น กระทบกับการใช้ชีวิต มากๆ โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศ จะ นั่งทำงานปกติไม่ได้ เพราะปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดสะบัก บางที ยกแขนไม่ขึ้น ขยับไม่สะดวก เจ็บไปหมด จนต้อง กินยาคลายกล้ามเนื้อ ฉีดยา รักษา ให้อาการดีขึ้นก่อน ถึงจะกลับมาทำงานได้
- กระทบต่องาน ไม่ทันเดดไลน์ จากประสบการณ์ที่คลินิกเคยรักษาคนไข้ที่เป็นออฟฟิศซินโดรมหนักๆ บางคนถึงขั้นต้องลางานหลายวันเพื่อมานอนพักรักษาตัวเพราะขยับร่างกายไม่ได้เลยทำให้งานที่รับผิดชอบไม่เสร็จตามกำหนดเดือดร้อนไปหมด
- เจ็บปวดเรื้อรัง ทำกิจวัตรลำบาก ถึงแม้อาการจะดีขึ้น กลับมาทำงานได้ ใช้ชีวิตได้ แต่อาการปวดก็ยังวนเวียนกลับมาเป็นอีก เรื้อรังไม่หายขาด ทรมาน ทำอะไรก็ไม่สะดวก ด้วยเหตุนี้คุณหมอเลยแนะนำว่า ควรกายภาพบำบัดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ให้เค้าวางแผนการรักษาให้ถูกวิธี ดีต่อสุขภาพในระยะยาวแน่นอนค่ะ
ใครบ้าง? เสี่ยงออฟฟิศซินโดรม (เช็กตัวเองด่วน!)
ออฟฟิศซินโดรมมักจะเกิดในพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งจ้องคอมฯ นานๆ แต่จริงๆ แล้วก็เกิดกับคนทั่วไปได้เหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่ต้องทำกิจกรรมซ้ำๆ ใช้กล้ามเนื้อท่าเดิมๆ นานๆ อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน กลุ่มเสี่ยงออฟฟิศซินโดรม สรุปง่ายๆ ก็คือ
- พนักงานออฟฟิศ นั่งทำงานท่าเดิมนานๆ อันนี้เบอร์หนึ่งเลย
- นักกีฬา เคลื่อนไหวท่าไม่ถูกต้อง ออกแรงผิดท่า ใช้อวัยวะบางส่วนมากเกินไป ก็เสี่ยง
- พนักงานขาย ยืน ทั้งวัน ก็ไม่รอด
- พนักงานขับรถ นั่ง ท่าเดิมๆ นานๆ หลายชั่วโมง ก็มา
รู้ไหมคะว่า นอกจากอาการที่เล่ามา ยังมีกลุ่มอาการที่เกิดจากกระดูกสันหลังมีปัญหาด้วยนะคะ พวกนั่งหลังค่อม ไหล่ห่อ ก้มคอ ท่าทางไม่ดีทั้งหลาย อาการพวกนี้ปล่อยไว้นานๆ รุนแรงกว่าที่คิด อาจถึงขั้นเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกปลิ้น กระดูกสันหลังคด ถ้าเป็นหนักๆ อาจจะต้องผ่าตัดเลยนะคะ น่ากลัวมาก ถ้าไม่อยากให้เป็นอันตรายเปลี่ยนพฤติกรรมด่วนๆ
4 วิธีลดเสี่ยงป้องกันออฟฟิศซินโดรม (ทำตามนี้ ชีวิตดีขึ้นเยอะ!)
กันไว้ดีกว่าแก้ คำนี้ใช้ได้จริงเสมอค่ะ อย่ารอให้วัวหายแล้วค่อยล้อมคอก เพราะถ้าเป็นออฟฟิศซินโดรมขึ้นมาแล้ว กว่าจะรักษาหาย ต้องใช้เวลา ต้องทนทรมานกับอาการปวด กว่าจะกลับมาเป็นปกติ เซนิสต้า คลินิก ห่วงใยสุขภาพทุกคน เลยอยากจะแนะนำ 4 วิธีง่ายๆ ลดความเสี่ยง ป้องกัน ออฟฟิศซินโดรม ทำตามนี้ รับรองว่าชีวิตดีขึ้นเยอะ
- จัดท่าทางการทำงานให้ถูกต้อง พยายาม นั่งหลังตรง ไม่ห่อไหล่ คางไม่ยื่น ไม่โน้มตัว ท่าเดิมนานๆ ช่วยให้กระดูกสันหลังอยู่ในท่าที่เหมาะสม ท่าทางดีสุขภาพก็ดีตามไปด้วย
- พักสายตาเป็นระยะ พักสายตาบ้าง โดยเฉพาะคนติดจอ ป้องกันตาแห้ง ปวดตา ตาพร่ามัว พักระหว่างวัน ช่วยให้ต่อมน้ำตาทำงานปกติ ลุกเดิน ยืดเส้นยืดสาย คลายเมื่อยกล้ามเนื้อ
- ปรับเปลี่ยนท่านั่งบ่อยๆ ขยับเขยื้อน เปลี่ยนท่าทางบ้าง อย่า นั่งแช่ ท่าเดิมนานๆ ช่วยให้กล้ามเนื้อได้ ผ่อนคลาย ไม่เกร็ง ลุกเดิน ยืดเส้นยืดสาย บ้าง ทุก 1-2 ชั่วโมง กำลังดี ช่วยคลายเมื่อย ปรับมุมเก้าอี้ ให้นั่งสบาย หลีกเลี่ยงการนั่งขอบเก้าอี้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ออกกำลังกาย อย่างน้อย 30 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพิ่มท่าบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ช่วยให้ ท่าทางดีขึ้น กล้ามเนื้อแข็งแรง สู้ภัยออฟฟิศซินโดรม
- จัดโต๊ะทำงานตามหลัก Ergonomics จัด สภาพแวดล้อมให้เหมาะสม คีย์บอร์ดวางด้านหน้าแขนเอื้อมถึง จอคอมฯ สูง ระดับสายตา หรือ ต่ำกว่าเล็กน้อย อย่าสูงเกินไป เดี๋ยวปวดคอ ระยะห่างจอ พอเหมาะ ไม่ใกล้เกินไป เดี๋ยวปวดตา ปรับเก้าอี้ สูง-ต่ำ ให้พอดีไม่ให้กล้ามเนื้อทำงานหนักเกินจำเป็น

รักษา "ออฟฟิศซินโดรม" อย่างไร? (ไม่ต้องทนปวดอีกต่อไป)
ถ้าเป็นออฟฟิศซินโดรมแล้ว จะรักษาเองแบบผิดๆ ไม่หายขาดแถมอาจจะกลับมาเป็นซ้ำหนักกว่าเดิมอีก เพราะอาการนี้เกิดจากกล้ามเนื้อภายในเสียหาย การรักษาต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดถึงจะรักษาได้ตรงจุด อย่าเสี่ยงรักษาเองมั่วๆ อาจจะยิ่งแย่กว่าเดิม
เซนิสต้า คลินิก เข้าใจปัญหานี้ดี เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญนักวิทยาศาสตร์ฟื้นฟูพร้อมเครื่องมือทันสมัยที่ช่วยรักษาออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องทนปวดอีกต่อไป ที่เซนิสต้า คลินิก เรามีวิธีการรักษาหลากหลาย ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เห็นผลลัพธ์ชัดเจน เช่น:
Deep Heat Therapy
นวัตกรรมรักษาด้วยความร้อนลึกส่งความร้อนลงลึกถึงกล้ามเนื้อชั้นใน คลายกล้ามเนื้อเกร็ง ลดปวด ลดอักเสบ เลือดลมไหลเวียนดี ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ รักษาอาการปวดต่างๆ ครอบคลุม ทั้ง วดขมับ ข้อศอก นิ้วล็อก หลัง คอ บ่า ไหล่ เข่า ข้อเท้า กระดูกหัก ข้อไหล่ติด ข้อไหล่หลุด ข้อเข่าเสื่อม ปวดหลังร้าวลงขา และออฟฟิศซินโดรม
Shock Wave Therapy
เครื่องกายภาพบำบัด คลื่นกระแทก ลดปวด ตามร่างกาย ส่งคลื่นกระแทกไปกระตุ้นบริเวณกล้ามเนื้อบาดเจ็บ ซ่อมแซม เนื้อเยื่อ ลดอักเสบเรื้อรัง เช่น ปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง เข่า เอ็นร้อยหวาย โรครองช้ำ ปวดสะโพกร้าวลงขา และออฟฟิศซินโดรม
Ultrasound
คลื่นความถี่สูงความร้อนระดับลึกส่งลงใต้ผิว เนื้อเยื่อบาดเจ็บ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ขยายหลอดเลือด เลือดไหลเวียนดีขึ้น เร่งซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ลดปวด ลดอักเสบ คลายกล้ามเนื้อเกร็ง ฟื้นฟูกล้ามเนื้ออย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ต้องทนปวดอีกต่อไป รักษาได้ที่ เซนิสต้า คลินิก
อย่าทนปวด ถ้ามีทางรักษาให้ ดีกว่าเดิม อาการปวดไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ปวดเมื่อย ปวดคอ ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดสะบัก เข่าเสื่อม เดินลำบาก มารร้ายขัดขวางชีวิตทำอะไรก็ติดขัด ขยับก็ปวด ทำงานไม่เต็มที่ใช้ชีวิตลำบาก ถึงเวลาโบกมือลาความปวดล้าแล้วมาเซนิสต้าคลินิก เราพร้อมรักษาอาการปวดด้วยผู้เชี่ยวชาญ นักวิทยาศาสตร์ฟื้นฟู เครื่องมือทันสมัย Ultrasound, Shock Wave, Deep Heat และโปรแกรมดูแล ลดปวด อีกเพียบ Sport massage ครอบแก้ว ฝังเข็ม ครบครัน
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญกายภาพบำบัด วางแผนการรักษา กายภาพบำบัด รักษาอาการปวด ได้ที่ เซนิสต้า คลินิก ทั้ง 2 สาขา เพชรบุรี ชลบุรี สาขาใกล้บ้าน จองคิว สอบถามเพิ่มเติม Line: @zenista หรือ โทร 097-224-7915 ปัญหาคนไข้สำคัญ เซนิสต้าคลินิก ยินดีช่วยดูแลให้คุณหายปวด ช้ชีวิตมีความสุขอีกครั้งค่ะ