ตามหลักการทั่วไปการที่เราจะรู้ได้ว่าสิ่งไหนไม่ปกติ ก็จะต้องรู้ความปกติเสียก่อนดังนั้น ในบทความนี้จะพูดถึงข้อเข่าที่มีความปกติเปรียบเทียบกับลักษณะที่ผิดปกติของโรคข้อเข่าเสื่อม

ลักษณะเข่าเมื่อสังเกตจากภายนอก

อาการบวมทางด้านหน้าของข้อเข่า

ข้อเข่าปกติ

ข้อเข่าปกติจะมีความกระชับของผิวหนังภายนอก หรืออาจมีรอยย่นบ้างเล็กน้อย ไม่มีลักษณะบวมแดง อันนี้ถือว่าปกติ

ข้อเข่าที่มีอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม

ในบางครั้งข้อเข่าเสื่อมจะมีอาการบวมของข้อเข่า การบวมนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ

1.บวมน้ำ (Edema) เป็นการบวมที่ไม่มีอาการแดง ร้อน ใช้นิ้วจิ่มลงไปจะรู้สึกเหมือนจิ้มลงไปที่ก้อนนิ้ม ๆ ภายในมีน้ำ

2.บวมอักเสบ (Swelling) เป็นการบวมที่มีการอักเสบ ผิวหนังจะรู้สึกอุ่น ๆ เป็นสีแดง มีอาการปวดร่วม

แนวการวางตัวของข้อเข่า

ข้อเข่าปกติ

การวางตัวของเข่าที่ปกติจะเป็นแนวตรงหรือมีการชิดเข้ามาทางด้านในของเข่าเล็กน้อย

ข้อเข่าที่มีอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม

เมื่อมีอาการเข่าเสื่อมมาแล้วระยะหนึ่งแนวการวางตัวของข้อเข่าจะมีการโก่งออกเรื่อย ๆ ทีละเล็กทีละน้อย และกลายเป็นภาวะเข่าโก่งที่สังเกตได้อย่างชัดเจนในที่สุด ภาวะนี้เกิดจากการเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณภายในข้อเข่า

โครงสร้างภายในข้อต่อคร่าว ๆ

กระดูกอ่อนภายในข้อเข่า

ข้อเข่าปกติ

ประกอบไปด้วยส่วนของกระดูก 3 ชิ้น 1 กระดูกต้นขา 2 กระดูกปลายขา 3 กระดูกสะบ้า ทั้ง 3 ชิ้นตรงส่วนกระดูกที่มาประกอบกันเป็นข้อเข่าจะมีกระดูกอ่อนหุ้มไว้ กระดูกอ่อนดังกล่าวทำหน้าที่ให้ข้อเข่าเคลื่อนไหวได้อย่างราบเรียบ ไม่ติดขัด ไม่เกิดการเสียดสีของข้อเข่าขณะเคลื่อนไหวมากเกินไปจนเกิดการอักเสบ

ข้อเข่าที่มีอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม

ส่วนของกระดูกอ่อนที่หุ้มบริเวณกระดูกที่ร่วมตัวกันเป็นข้อต่อ เกิดการบาดเจ็บ มีความแห้งมากกว่าปกติจึงเกิดการแตกลายที่บริเวณผิวข้อได้อย่างง่ายได้และอาจหลุดออกมากได้ ตรงนี้คือจุดที่ทำให้เกิดการอักเสได้ง่ายเนื่องจากว่าขณะเคลื่อนไหว ภายในข้อเข่าเกิดการเสียดสีมากกว่าปกติ กระตุ้นให้เกิดอาการเจ็บปวดตามมาได้

ช่องว่างภายในข้อเข่า

ข้อเข่าปกติ

โดยปกติแล้วเข่าจะมีระยะห่างของกระดูกต้นขาและกระดูกปลายขาภายในข้อเข่าที่เรียกว่า Knee joint space ช่องว่างนี้มีประโยชน์อย่างมากในการเคลื่อนไหวละซับแรงกระแทกภายในข้อเข่า เพศหญิงวัยผู้ใหญ่จะมี Knee joint space กว้างประมาณ4.8 มิลลิเมตรในเพศชายวัยผู้ใหญ่มีระยะห่างอยู่ที่ 5.7 มิลลิเมตร

ข้อเข่าที่มีอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม

ช่องว่างภายในข้อเข่าหรือ Knee joint space จะมีความแคบลงเนื่องจากว่ากระดูกอ่อนและส่วนที่รองข้อต่อต่าง ๆ สูญเสียการอุ้มน้ำ และมีความแห้งมากขึ้น ช่องว่านี้จึงค่อย ๆ แคบลงนั่นเอง ยิ่ง Knee joint space แคบลงมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวด และความรุนแรงของอาการเข่าสื่อมก็มีมากขึ้นเท่านั้น

ข้อเข่าเสื่อมเมื่อเป็นแล้วจะมีการพัฒนาของโรคไปเรื่อย ๆ ดังนั้น หากมีอาการ อย่าปล่อยไว้ ท่านสามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ “คลินิกกายภาพบำบัด Zenista Health and Wellness สาขาชลบุรี” และ “คลินิกกายภาพบำบัด Zenista Health and Wellness สาขาเพชรบุรี” ที่นี่เราให้คำปรึกษาและตรวจร่างกายโดยไม่มีค่าใช้จ่ายโดยทีมแพทย์ และนักกายภาพบำบัด หากมีข้อสงสัย หรือสอบถามรายละเอียด ติดต่อได้ที่ Line ID: @Zennista

1. หลังส่วนบนงอเพื่อให้สามารถเข้าใกล้จอภาพได้มากขึ้น

2. คอยื่นไปทางด้านหน้า เมื่อคอยื่นไปทางด้านหน้าทำให้คานระหว่างคอกับบ่า ยาวขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อคอ และบ่าต้องทำงานหนักขึ้นตามไปด้วย

3. ไหล่ยกโดยไม่รู้ตัว การที่ไหล่ยกนี้เกิดขึ้นได้จากทั้ง แป้นพิมพ์อยู่สูงเกินไป และจากการเกร็งของบ่าจนชินทำให้ไหล่ยกเองแบบอัตโนมัติ

จาก 3 ปัจจัยที่กล่าวมาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดอาการเกร็งตัวอย่างมากของกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ เมื่อร่วมกับการที่อยู่ในลักษณะนี้เป็นประจำและนานพอ ก็จะกลายเป็นอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ในที่สุดครับ

ซึ่งแตกต่างจากบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่ค่อยมีปีญหาเรื่องคานเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ก้น จะเกิดจากการกดทับเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาการปวดคอ บ่า ไหล่ พบได้บ่อย ๆ ครับ

 Office Syndrome เป็นกลุ่มโรคที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเกิดอาการ ละเมื่อเกิดอาการแล้วอาการสามารถมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นได้จากดารทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ดังนั้นหากมีอาการแล้วแม้เพียงเล็กน้อยก็อย่าปล่อยไว้ รีบหาทางรักษากันนะครับ

  หากไม่รู้ว่าจะรักษาที่ไหนดี เชิญได้ที่ “คลินิกกายภาพบำบัด Zenista Health and Wellness สาขาชลบุรี” และ “คลินิกกายภาพบำบัด Zenista Health and Wellness สาขาเพชรบุรี” เราให้คำปรึกษา ตรวจร่างกาย และวางแผนการรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการจองนัดล่วงหน้าสามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ Line ID: @Zenista