การฉีด PRP ในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม
การฉีด PRP ในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม
อาการข้อเข่าเสื่อมเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่อยู่ในวัยสูงอายุ ซึ่งทำให้เกิดอาการเจ็บปวด ทรมานกาย ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ อาจมากไปถึงทำให้ไม่สามารถยืนลงน้ำหนักที่ขาได้ ดังนั้นโรคข้อเข่าเสื่อมจึงเป็นโรคที่มีความอันตรายที่จะนำไปสู่อาการเจ็บป่วยอื่น ๆ ทั้งทางใจ และทางกายได้
เมื่อเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมแล้ว ควรหาทางบำบัด ฟื้นฟูเข่าโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ความเสื่อมของเข่านั้นหนักขึ้น การบำบัด ฟื้นฟู ผู้ป่วยที่มีอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมนั้น มีหลากหลายวิธี และในวันนี้เราจะพูดถึง การทำ PRP เพื่อบำบัด ฟื้นฟู โรคข้อเข่าเสื่อมกันครับ
1. PRP ในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมคืออะไร
พลาสมาที่มีเกล็ดเลือดสูง (Platelet Rich Plasma : PRP) คือการบำบัด ฟื้นฟู โดยการนำเลือดของผู้ป่วยเองมาปั่น เพื่อสกัดให้เลือดแยกชั้น แล้วนำพลาสม่าที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นที่ได้มาจากการปั่น ฉีดกลับเข้าไปในบริเวณข้อเข่าที่มีอาการเสื่อม โดยในพลาสม่านี้จะมี Growth Factors และโปรตีนที่ส่งเสริมการรักษาเนื้อเยื่อและการสร้างใหม่ของโครงสร้างภายในข้อเข่า
2 ข้อดีของการทำ PRP ในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม
- ไม่ต้องผ่าตัด : PRP เป็นตัวเลือกการรักษาแบบหนึ่ง ที่ไม่ใช่การผ่าตัดสำหรับโรคข้อเข่าเสื่อม
- ช่วยบรรเทาอาการปวด: การฉีด PRP จะช่วยลดความเจ็บปวด และการอักเสบในข้อเข่า ซึ่งส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม
- ส่งเสริมการรักษาเนื้อเยื่อ: Growth Factors และโปรตีนที่มีอยู่ในพลาสม่า จะช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ซึ่งส่งผลต่อการช่วยซ่อมแซมกระดูกอ่อนที่เสียหายและโครงสร้างอื่น ๆ ภายในข้อเข่า
3 ข้อบ่งชี้ในการทำ PRP ในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม
การตัดสินใจทำ PRP สำหรับข้อเข่าเสื่อมโดยทั่วไปจะพิจารณาเป็นรายกรณี โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความรุนแรงของอาการ สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และการตอบสนองต่อปัจจัยอื่น ๆ ตัวเลือกการรักษา โดยทั่วไปแนะนำสำหรับบุคคลที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมระดับเล็กน้อยถึงปานกลางที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัดวิธีอื่น ๆ เช่น การใช้ยา กายภาพบำบัด หรือการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
4 การดูแลตัวเองหลังการทำ PRP ในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม
หลังทำการรักษาด้วย PRP (Platelet-Rich Plasma) สำหรับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม คุณควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน และให้การรักษาให้ผลดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนที่ควรปฏิบัติเพื่อให้ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย PRP มีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนี้
1.การรักษาแผลรอยเข็ม: ควรรักษาแผลตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ติดพลาสเตอร์ที่แผลรอยเข็ม หรือหากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์
2.การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่หนัก ๆ : ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้เข่ามาก ๆ และหนักหน่วง เช่น การวิ่ง กระโดด หรือยกของหนัก เพื่อป้องกันการบาดเจ็บเพิ่มเติมในข้อเข่า
3.การดูแลสุขภาพ: ควรดูแลสุขภาพโดยการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อสุขภาพที่ดี
4.การติดตามการรักษา: ควรติดตามนัดพบแพทย์ตามที่กำหนด เพื่อให้แพทย์ตรวจสอบผลลัพธ์ของการรักษาและปรับปรุงแผนการรักษาต่อไป
การดูแลตัวเองหลังทำ PRP ในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ แต่ในกรณีที่มีอาการผิดปกติหรือคำถามเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษา เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
หากท่านเป็นคนหนึ่งที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม และสนใจการฉีด PRP สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ คลินิกกายภาพบำบัด Zenista Health and Wellness สาขาชลบุรี” และ “คลินิกกายภาพบำบัด Zenista Health and Wellness สาขาเพชรบุรี” ทั้งสองสาขา หรือสอบถามเพิ่มเติม/ต้องการนัดหมายล่วงหน้า ได้ที่ Line : @zenista