สวัสดีผู้อ่านทุกๆท่านครับ ผมเชื่อว่าหลายๆท่านที่เป็นพนักงานออฟฟิศนอกจากจะมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ แล้ว ก็มีไม่น้อยที่มีอาการปวดบริเวณเข่าด้วย แต่ด้วยเวลาอันน้อยนิด หรือหลังเลิกงานก็หมดแรงแล้ว จึงไม่ค่อยได้ไปรักษาเนื้อรักษาตัวกันสักเท่าไหร่นัก และอาการปวดเข่าก็เป็นปัญหาที่ปล่อยไว้ไม่ได้เนื่องจากว่าเราต้องใช้เข่าในทุก ๆ วัน ดังนั้น วันนี้ผมจึงแนะนำวิธีการหลีกเลี่ยงอาการปวดเข่ามาให้ทุกๆท่านได้อ่านกันครับ

สาเหตุเริ่มต้นของอาการปวดเข่ามักจะเกิดจากกล้ามเนื้อแข็งแรงไม่พอหรือขาดความยืดหยุ่น

5 วิธีหลีกเลี่ยงอาการปวดเข่า

1.ยืดกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า

การยืดกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าจะทำให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกิดการฉีกขาดหรือบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ยากมากขึ้นตามด้วย พนักงานออฟฟิศมักจะอยู่ในอิริยาบถเดิมๆแทบจะทั้งวัน ดังนั้นกล้ามเนื้อบางมัดก็จะถูกยืดค้าง และบางมัดก็หดตัวค้าง หากกล้ามเนื้อไม่มีความยืดหยุ่นหลังจากที่อยู่ในท่าเดิมนานๆแล้วกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง จะทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบของกล้ามเนื้อได้

2.ออกกำลังกายกล้ามเนื้อรอบเข่าเป็นประจำ

การออกกำลังกายอย่างถูกวิธีจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากความแข็งแรงจะทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บได้ยาก โดยส่วนมากแล้วในคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอย่างพนักงานออฟฟิศจะมีแนวโน้มที่กล้ามเนื้อขาจะไม่ค่อยแข็งแรง เนื่องจากว่า ในชีวิตประจำวันมักจะไม่ค่อยได้เดิน หรือเดินน้อย ดังนั้นกล้ามเนื้อก็จะค่อย ๆ ลดความแข็งแรงลงไปเรื่อย ๆ เมื่อกลับมาเดินเยอะอีกครั้งก็จะสังเกตได้เลยว่ามักจะมีอาการปวดเข่าหรือกล้ามเนื้อรอบ ๆ เข่าตามมา

3.ลดน้ำหนักตัว และหลีกเลี่ยงการยกของหนัก

พนักงานออฟฟิศมักจะมีกิจวัตรประจำวันที่ค่อนข้างเป็นลูทีน เช่น เข้างาน 8.30 น.เลิกงาน 17.00 น. และการทำงานส่วนใหญ่จะเป็นการนั่ง ไม่ค่อยได้ขยับตัว พลังงานที่ใช้ในแต่ละวันจึงน้อย ทำให้เกิดปัญหาเรื่องน้ำหนักที่ค่อยๆเพิ่มอย่างไม่รู้ตัว น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลต่อการรับแรงของข้อเข่าโดยตรงและเสี่ยงต่อการเกิดการปวดเข่าได้มากขึ้น ในกรณีที่มีการยกของหนักอยู่เป็นประจำ เข่าจะต้องรับน้ำหนักมากขึ้นตามไปด้วย การรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนี้ย่อมส่งผลให้ภายในเข่าเกิดการสึกหรอได้มากขึ้น รวมถึงกล้ามเนื้อรอบเข่าบาดเจ็บได้ง่ายจากการแบกรับน้ำหนักอีกด้วย

4.หลีกเลี่ยงการงอเข่าสุดเป็นเวลานาน

การงอเข่าสุดจะทำให้ภายในข้อเข่าเกิดการสบกันหรือเกิดการเสียดสีของผิวข้อในข้อเข่ามากขึ้น การสบกันบ่อยๆนี้จะทำให้ผิวข้อค่อยๆเกิดการบาดเจ็บทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งจะส่งผลต่ออาการปวดเข่าได้ในระยะยาว ดังนั้นการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดการงอเข่าสุด เช่น นั่งยอง คุกเข่า จึงสามารถช่วยลดการเกิดอาการปวดเข่าในระยะยาวได้ครับ

5.เมื่อมีอาการปวดเข่าให้รีบหาทางรักษา

เมื่อมีอาการปวดเข่าแล้ว สิ่งจำเป็นต่อมาคือ วิธีการลดปวดครับ อย่าปล่อยอาการปวดไว้ เพราะ อาการปวดเข่าสามารถพัฒนาต่อไปได้ จากที่ปวดน้อยๆจะค่อยๆกลายเป็นปวดมากขึ้น หรือจากที่เคยปวดไม่นานไม่กี่วันก็หายเองได้ ก็จะกลายเป็นปวดเข่านานขึ้นและไม่หายเอง เพราะฉะนั้นการหาวิธีรักษาและดูแลอย่างถูกวิธีจึงมีความจำเป็นมากและควรปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันไม่ให้ปวดเข่าในอนาคต

เมื่อมีอาการปวดเข่าแล้ว ต้องทำอย่างไร ?

- ปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยตัวเอง เช่นประคบเย็น

- พักการใช้เข่า หรือลดการใช้เข่าลง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บเพิ่มเติม

- ปรึกษาแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อวางแผนการรักษา

จะเป็นอย่างไรหากมีอาการปวดเข่าแล้วไม่ได้รับการรักษา ?

อาการปวดเข่าเป็นการแจ้งเตือนจากร่างกายว่า ในตอนนี้เกิดอันตรายต่อเข่าแล้ว ต้องระวังมากขึ้น ต้องหาทางรักษา หรือต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อดูแลเข่า ดังนั้นการที่มีอาการปวดเข่าแล้ว และไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมจะทำให้เข่าเกิดอาการบาดเจ็บเพิ่มขึ้นได้ ผลที่ตามมาหลังจากมีอาการปวดเพิ่มขึ้นคือ……

1. รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน

2. นั่ง หรือลุกเดินลำบาก

3. เกิดความกลัวในใจไม่กล้าทำกิจกรรมต่าง

4. เสี่ยงต่อการเกิดเข่าเสื่อม

5. ในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เดินไม่ได้

เพียงท่านพยายามทำตามวิธีหลีกเลี่ยงอาการปวดเข่า ท่านก็จะมีสุขภาพเข่าที่ดี ไม่มีปัญหาปวดเข่าให้ค่อยกังวลใจ แต่เมื่อมีอาการปวดเข่าแล้วไม่ว่าจะน้อยหรือมากก็ควรได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ที่ “คลินิกกายภาพบำบัด Zenista Health and Wellness” มีทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดที่มีประสบการณ์คอยดูแลท่าน ทั้งระหว่างรักษาและหลังรักษา ดังนั้นหากมีอาการปวดเข่า นึกถึงเรา zenista clinic ครับ ท่านสามารถสอบถามข้อมูลดี ๆ ได้ที่ line id: @zenista ครับ