5 ปัจจัย ที่ส่งผลต่อความรุนแรงของอาการข้อเข่าเสื่อม
อาการข้อเข่าเสื่อมคืออาการที่เกิดจากความเสื่อมของกระดูกภายในข้อเข่า และการเสื่อมของโครงสร้างนี้จะไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองเพื่อให้กับมาสู่สภาพเดิม 100 % ได้ อีกทั้งยังสามารถพัฒนาความรุนแรงเพิ่มขึ้นได้เรื่อย ๆ อีกด้วย ดังนั้นหากเราเข้าใจว่าอะไรบ้างที่สามารถส่งผลให้อาการข้อเข่าเสื่อมแย่ลงได้ก็สามารถนำความรู้ที่มีนี้เพื่อมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันหลีกเลี่ยงการเพิ่มระดับความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อมได้ครับ
5 ปัจจัย ที่ส่งผลต่อความรุนแรงของอาการข้อเข่าเสื่อม
1.การอยู่ในท่างอเข่าสุดนาน ๆ ส่งผลให้มีอาการปวดเข่ามากขึ้น
ภายในข้อเข่าประกอบด้วยส่วนของกระดูกขาท่อนบน กระดูกขาท่อนล่าง และกระดูกลอยชิ้นหนึ่งชื่อว่า Patella (พาเทลล่า) หรือเรียกภาษาไทยง่าย ๆ ว่า กระดูกสะบ้า เมื่ออยู่ในท่างอเข่าสุด กระดูกสะบ้าจะเกิดการบีบอัดเข้ามาชนกับส่วนของกระดูกขาภายในข้อเข่า ทำให้เกิดเป็นอาการเจ็บปวดของโรคข้อเข่าเสื่อม ดังนั้นการหลีกเลี่ยงท่าทางที่ต้องงอเข่าสุดนาน ๆ เช่น นั่งยอง คุกเข้าไหว้พระ นั่งพับเพียบ เป็นต้น เพื่อลดอาการเจ็บปวดจากการกดทับภายในข้อเข่า
2.การเดินขึ้นเนิน หรือเดินในที่พื้นผิวขรุขระ ส่งผลให้เกิดอาการปวดของเข่าได้มากขึ้น
การเดินเยอะในบุคคลที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมแล้วจะทำให้มีอาการปวดเข่าเนื่องจากกระดูกที่งอกภายในข้อเข่าทำให้เกิดการระคายเคืองของผิวข้อ และในกรณีที่เป็นการเดินบนพื้นผิวขรุขระ เช่น ไร่/นา ขึ้นเนิน จะส่งผลให้เกิดอาการปวดเข่าได้มากขึ้นกว่าการเดินบนพื้นราบ เนื่องจากการเกร็งเข่า และองศาการงอเข่าที่มากขึ้นส่งผลให้เกิดการเสียดสีในข้อเข่าเพิ่มมากขึ้น
3.การวิ่งไม่เหมาะกับคนเป็นข้อเข่าเสื่อม
การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ดี แต่ในขณะที่วิ่งนั้นเข่ามีการเสียดสีไปมาอยู่ตลอด ในกรณีที่ยังไม่มีอาการข้อเข่าเสื่อมจะไม่ส่งผลกระทบอะไรมาก แต่ในบุคคลที่มีอาการเสื่อมของข้อเข่าไปแล้วจะทำให้อาการที่เป็นอยู่เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น หากต้องการออกกำลังกายแนะนำให้เปลี่ยนจากการวิ่งมาเป็นการออกกำลังกายครับ
4.น้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำให้เข่าต้องรับน้ำหนักมากขึ้นและทำให้อาการเข่าเสื่อมแย่ลง
เมื่อมีอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมแล้ว สิ่งที่จะต้องทำเป็นอันดับต้น ๆ และมีความสำคัญมาก คือการลดน้ำหนักตัว การลดน้ำหนักตัวจะช่วยให้ข้อเข่าไม่ต้องแบกรับแรงจากร่างกายมากเกินความจำเป็น และช่วยลดการกดทับในข้อต่อได้อย่างดี ดังนั้นเมื่อมีอาการข้อเข่าเสื่อมแล้วจึงควรพยายามลดน้ำหนักตัวลง
หากท่านมีอาการปวดเข่า หรือสงสัยอาการเข่าเสื่อมสามารถเข้ามาปรึกษาเราได้ที่ “คลินิกกายภาพบำบัด Zenista Health and Wellness สาขาชลบุรี” และ “คลินิกกายภาพบำบัด Zenista Health and Wellness สาขาเพชรบุรี” ท่านสามารถเข้ามาปรึกษา ตรวจร่างกาย วางแผนการรักษาได้โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่าย และได้รับการรักษาจากนักกายภาพบำบัดที่มีประสบการณ์ หรือหากมีข้อสงสัย อยากสอบถามเพิ่มเติมสามารถสอบได้ที่ Line ID : @Zenista ครับ
1. หลังส่วนบนงอเพื่อให้สามารถเข้าใกล้จอภาพได้มากขึ้น
2. คอยื่นไปทางด้านหน้า เมื่อคอยื่นไปทางด้านหน้าทำให้คานระหว่างคอกับบ่า ยาวขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อคอ และบ่าต้องทำงานหนักขึ้นตามไปด้วย
3. ไหล่ยกโดยไม่รู้ตัว การที่ไหล่ยกนี้เกิดขึ้นได้จากทั้ง แป้นพิมพ์อยู่สูงเกินไป และจากการเกร็งของบ่าจนชินทำให้ไหล่ยกเองแบบอัตโนมัติ
จาก 3 ปัจจัยที่กล่าวมาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดอาการเกร็งตัวอย่างมากของกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ เมื่อร่วมกับการที่อยู่ในลักษณะนี้เป็นประจำและนานพอ ก็จะกลายเป็นอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ในที่สุดครับ
ซึ่งแตกต่างจากบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่ค่อยมีปีญหาเรื่องคานเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ก้น จะเกิดจากการกดทับเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาการปวดคอ บ่า ไหล่ พบได้บ่อย ๆ ครับ
Office Syndrome เป็นกลุ่มโรคที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเกิดอาการ ละเมื่อเกิดอาการแล้วอาการสามารถมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นได้จากดารทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ดังนั้นหากมีอาการแล้วแม้เพียงเล็กน้อยก็อย่าปล่อยไว้ รีบหาทางรักษากันนะครับ
หากไม่รู้ว่าจะรักษาที่ไหนดี เชิญได้ที่ “คลินิกกายภาพบำบัด Zenista Health and Wellness สาขาชลบุรี” และ “คลินิกกายภาพบำบัด Zenista Health and Wellness สาขาเพชรบุรี” เราให้คำปรึกษา ตรวจร่างกาย และวางแผนการรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการจองนัดล่วงหน้าสามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ Line ID: @Zenista