Ultrasound Therapy

SKU
In Stock
Add to Cart Add to Wishlist
Share

ปวดคอ บ่า ไหล่ หรือปวดหลังเรื้อรัง บำบัดได้ด้วย Ultrasound Therapy หนึ่งในเครื่องมือทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่มีบทบาทสำคัญในการบำบัดและลดอาการปวด โดยใช้ คลื่นเสียงความถี่สูง ส่งผ่านลงสู่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เพิ่มการลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนเข้าสู่บริเวณที่บาดเจ็บ ช่วยให้เนื้อเยื่อฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น

0.0 0 Reviews
Leave review
Rate
Upload Photos
Cancel

Ultrasound Therapy บำบัดอาการปวดล้ำลึก ด้วยคลื่นความถี่สูง

Ultrasound Therapy บำบัดอาการปวดล้ำลึก ด้วยคลื่นความถี่สูง

ปวดคอ บ่า ไหล่ หรือปวดหลังเรื้อรัง บำบัดได้ด้วย Ultrasound Therapy หนึ่งในเครื่องมือทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่มีบทบาทสำคัญในการบำบัดและลดอาการปวด โดยใช้ คลื่นเสียงความถี่สูง ส่งผ่านลงสู่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เพิ่มการลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนเข้าสู่บริเวณที่บาดเจ็บ ช่วยให้เนื้อเยื่อฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น

Ultrasound Therapy เป็นเครื่องมือที่ช่วยบำบัดอาการปวดลึกถึงต้นเหตุ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดจากการใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำ หรือมีภาวะปวดเรื้อรังจากกล้ามเนื้อและข้อต่อ 

สำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง หรือทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น การทำ Ultrasound Therapy ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ค่ะ

รู้จักกับ Ultrasound Therapy คืออะไร?

Ultrasound Therapy คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู ที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงช่วยบรรเทาอาการปวดและเร่งการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อ โดยคลื่นเสียงจะส่งพลังงานความร้อนระดับลึกลงไปยังชั้นใต้ผิวหนัง บริเวณที่มีการอักเสบหรือบาดเจ็บ เช่น กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือข้อต่อ

ความร้อนที่เกิดขึ้นช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถส่งสารอาหารและออกซิเจนไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการปวด บวม การอักเสบ และคลายความตึงของกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เครื่อง Ultrasound Therapy จึงถูกนำมาใช้ในการรักษาและฟื้นฟูภาวะบาดเจ็บต่างๆ เช่น ข้อต่ออักเสบ เอ็นอักเสบ กล้ามเนื้อฉีกขาด หรืออาการ Office Syndrome เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

รู้จักกับ Ultrasound Therapy คืออะไร? เหมาะกับใคร?

Ultrasound Therapy เหมาะกับใคร?

การทำ Ultrasound Therapy เป็นหนึ่งในวิธีทางกายภาพบำบัดที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวด บาดเจ็บ หรืออยู่ในช่วงฟื้นฟูร่างกาย โดยสามารถใช้ได้กับหลายภาวะ ดังนี้

ผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดหลัง ปวดคอ บ่า ไหล่ หรือปวดตามข้อต่างๆ

ผู้ที่อยู่ในช่วงฟื้นฟูหลังผ่าตัดหรืออุบัติเหตุ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อกลับมาทำงานได้ดีขึ้น

ผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อม โดยสามารถใช้ร่วมกับวิธีรักษาอื่นๆ ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด

ผู้ที่มีอาการปวดจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว หรือ ออฟฟิศซินโดรม เช่น ปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานนานๆ หรือท่าทางซ้ำๆ

ผู้ที่มีการอักเสบของเนื้อเยื่ออ่อน เช่น เอ็นอักเสบ หรือกล้ามเนื้ออักเสบ

ผู้ที่มีพังผืด หรืออาการข้อติด เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความตึงของเนื้อเยื่อ

Ultrasound Therapy รักษาอาการแบบไหน

Ultrasound ช่วยบำบัดและลดอาการปวดได้อย่างไร?

ในหัวเครื่อง Ultrasound Therapy จะมีผลึกคริสตัลที่ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้กลายเป็นคลื่นเสียงความถี่สูง ซึ่งเมื่อส่งเข้าสู่ร่างกาย คลื่นเสียงเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนระดับลึกในเนื้อเยื่อบริเวณที่ทำการรักษา โดยพลังงานความร้อนดังกล่าวช่วยให้

• เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

• กระตุ้นการไหลเวียนเลือดในบริเวณนั้น

• เพิ่มการนำกระแสประสาทและการทำงานของเอนไซม์ในร่างกาย

กระบวนการเหล่านี้ช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวด และช่วยให้ของเสียหรือสารเคมีที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดถูกขับออกจากเนื้อเยื่อได้ดีขึ้น

Ultrasound ไม่ใช่แค่ “การซ่อมแซม” แต่เป็น “การบำบัดอย่างล้ำลึก”


Ultrasound Therapy เป็นหนึ่งในวิธีทางกายภาพบำบัดที่ใช้ คลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อส่งพลังงานความร้อนไปยังเนื้อเยื่อในระดับลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อและกระดูก โดยสามารถให้ความร้อนได้ประมาณ 2–5 เซนติเมตร ที่ช่วงความถี่ 1–3 MHz

คลื่นเสียงจากเครื่องอัลตราซาวด์ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดบวมและการอักเสบของเนื้อเยื่อ พร้อมทั้งกระตุ้นการซ่อมแซมของเซลล์ ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตัว และเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อในชั้นลึกได้

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จึงมักถูกนำมาใช้ในการดูแลผู้ที่มีอาการปวดจากการใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ เช่น ออฟฟิศซินโดรม หรืออาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อในบริเวณ คอ บ่า ไหล่ หลัง รวมถึงผู้ที่มีภาวะข้อเสื่อมบางส่วน

การทำ Ultrasound Therapy ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดที่มีความชำนาญ เพื่อประเมินระดับความรุนแรงของอาการ และปรับการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ซึ่งช่วยให้การบำบัดเกิดประสิทธิภาพและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ยิ่งขึ้นค่ะ

หลักการทำงานของ Ultrasound Therapy ในทางกายภาพบำบัด

1. สร้างความร้อนลึก (Deep Heating)

คลื่นเสียงความถี่สูงจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่แทรกซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูและบรรเทาอาการปวด โดยสามารถให้ความร้อนลึกได้ประมาณ 2–5 เซนติเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถี่ของคลื่นที่ใช้

- 1 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) : ให้ความร้อนลึกประมาณ 3–5 เซนติเมตร เหมาะกับการรักษาเนื้อเยื่อส่วนลึก เช่น กล้ามเนื้อใหญ่หรือเส้นเอ็นลึก

- 3 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) : ให้ความร้อนลึกประมาณ 1–2 เซนติเมตร เหมาะกับเนื้อเยื่อที่อยู่ตื้น เช่น ข้อมือ เข่า หรือข้อเท้า

2. กระตุ้นการไหลเวียนเลือด (Improving Blood Flow)

ความร้อนจากคลื่นเสียงช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น สารอาหารและออกซิเจนสามารถเข้าสู่บริเวณที่บาดเจ็บได้มากขึ้น พร้อมช่วยขับของเสียที่สะสมในบริเวณนั้นออกไป

3. ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ (Reducing Muscle Spasm)

ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัว เพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ และลดความรู้สึกปวดจากการเกร็งสะสม

4. เร่งการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อ (Enhancing Tissue Healing)

คลื่นเสียงช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและลดการเกิดพังผืด (Scar Tissue) ในระยะฟื้นฟู ทำให้ร่างกายสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติเร็วขึ้น

รูปแบบของคลื่นอัลตราซาวน์ที่ใช้ในการรักษา

การรักษาด้วย Ultrasound Therapy สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบหลัก ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และระยะของการรักษา ได้แก่

1. โหมด Continuous (คลื่นต่อเนื่อง)

เป็นการส่งคลื่นเสียงออกมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก ช่วยให้เกิดพลังงานความร้อนในเนื้อเยื่ออย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัว เพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อและข้อต่อที่แข็งตึง รวมถึงช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากการตึงกล้ามเนื้อได้

2. โหมด Pulsed (คลื่นเป็นจังหวะ)

เป็นการปล่อยคลื่นเสียงเป็นช่วงๆ สลับกับช่วงหยุดพัก รูปแบบนี้จะสร้างความร้อนน้อยกว่าแบบต่อเนื่อง เหมาะสำหรับระยะฟื้นฟูหรือการรักษาบาดเจ็บในระยะเริ่มต้น ช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อและกระดูก รวมถึงส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่โดยไม่ก่อให้เกิดความร้อนสะสมมากเกินไป

Ultrasound Therapy ดียังไง?

Ultrasound Therapy ดียังไง?


Ultrasound Therapy เป็นเทคนิคทางกายภาพบำบัดที่ช่วยฟื้นฟูและบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงที่ส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้นลึกของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่หลากหลาย ดังนี้

1. ลดอาการปวด

- บรรเทาอาการปวดทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง

- กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัว

2. ลดการอักเสบและบวม

- คลื่นเสียงช่วยกระจายของเหลวที่คั่งในบริเวณอักเสบ

- ส่งเสริมการขับของเสียหรือสารเคมีที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดออกจากเนื้อเยื่อ

- ลดอาการบวมหลังการบาดเจ็บหรือผ่าตัด

3. เร่งกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

- กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และการผลิตคอลลาเจน

- ช่วยฟื้นฟูบาดแผลลึก กล้ามเนื้อฉีกขาด หรือเส้นเอ็นอักเสบ

4. ลดพังผืดและแผลเป็นใต้ผิวหนัง

- ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนลง เพิ่มความยืดหยุ่นของผิวและกล้ามเนื้อ

- ลดการยึดติดของพังผืด โดยเฉพาะหลังการผ่าตัด

5. ไม่ต้องใช้ยา ไม่ต้องผ่าตัด

- เป็นการรักษาที่ไม่ต้องพึ่งยา ไม่ต้องเปิดแผล

- ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของยา และเจ็บตัวน้อย

6. ใช้ระยะเวลาในการรักษาที่สั้น

- ใช้เวลาทำเพียงประมาณ 5–10 นาทีต่อครั้ง

- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะนักกีฬา หรือผู้ที่มีเวลาจำกัด

ข้อควรระวังในการรักษาด้วย Ultrasound Therapy

แม้ว่า Ultrasound Therapy จะเป็นเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในทางกายภาพบำบัด แต่ก็มีบางกรณีที่ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้ด้วยความระมัดระวัง เพื่อประสิทธิภาพของการรักษา และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง

ข้อห้ามที่ควรหลีกเลี่ยง

- ผู้ที่มีกระดูกหักและกระดูกยังไม่ติดดี

- บริเวณที่มีเนื้องอกหรือมะเร็ง

- บริเวณที่มีการติดเชื้อเฉียบพลัน

- บริเวณเหนือหัวใจ สมอง ดวงตา หรืออัณฑะ

- ผู้ที่มีการฝังอุปกรณ์ในร่างกาย เช่น โลหะ พลาสติก หรือเครื่องกระตุ้นหัวใจ

- ผู้ที่มีการรับรู้ความรู้สึกบกพร่อง

-บริเวณที่มีหลอดเลือดขอดขนาดใหญ่

ข้อควรระวังที่ควรใส่ใจ

- หลีกเลี่ยงการใช้บนกระดูกที่อยู่ตื้น เพื่อป้องกันการเกิด periosteal pain (อาการปวดบริเวณเยื่อหุ้มกระดูก)

- ปรับค่าพลังงานและความถี่ของคลื่นให้เหมาะสมกับระดับความลึกของเนื้อเยื่อ

- หลีกเลี่ยงการใช้ในหญิงตั้งครรภ์บริเวณหน้าท้องและหลังส่วนล่าง


ก่อนเข้ารับการรักษา ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อประเมินความเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลค่ะ

ขั้นตอนการทำ Ultrasound กายภาพบำบัด

1. เตรียมความพร้อมก่อนการรักษา

นักกายภาพบำบัดจะจัดท่าทางผู้เข้ารับการรักษาให้อยู่ในท่าที่สบายและเหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการบำบัด จากนั้นทำความสะอาดผิวหนังและทาเจลนำคลื่นเสียง (ultrasound gel) เพื่อช่วยให้คลื่นเสียงส่งผ่านเข้าสู่เนื้อเยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ตั้งค่าเครื่องอัลตราซาวด์ให้เหมาะสม

นักกายภาพบำบัดจะเลือกความถี่ (MHz) และโหมดการทำงานของเครื่องให้สอดคล้องกับลักษณะของอาการและตำแหน่งที่ต้องการรักษา

- ความถี่ 1 MHz เหมาะกับเนื้อเยื่อที่อยู่ลึก เช่น กล้ามเนื้อหรือข้อต่อ

- ความถี่ 3 MHz เหมาะกับเนื้อเยื่อที่อยู่ตื้น เช่น เส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อผิวตื้น

3. เริ่มทำการรักษา

นำหัวอัลตราซาวด์ (transducer) วางบนผิวหนังบริเวณที่ทาเจล แล้วเคลื่อนหัวเครื่องอย่างช้าๆ เป็นวงกลมหรือเป็นเส้นตรงในบริเวณที่ต้องการบำบัด เพื่อกระจายคลื่นเสียงให้ทั่วถึง ระยะเวลาในการทำโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 5–10 นาที ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนักกายภาพบำบัด

4. หลังการรักษา

เมื่อครบเวลา นักกายภาพบำบัดจะเช็ดเจลออกจากผิวหนัง และให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลตนเอง หรือการทำกายภาพบำบัดร่วมด้วยในระยะต่อไป เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูที่ต่อเนื่องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล

หลังทำ Ultrasound กายภาพบำบัด ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

การดูแลร่างกายหลังรับการรักษาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผลการบำบัดเป็นไปอย่างต่อเนื่องและลดโอกาสการกลับมาเจ็บซ้ำ สำหรับแนวทางการดูแลตนเองหลังการทำเบื้องต้น ได้แก่

1. หลีกเลี่ยงการใช้งานหนักทันที

ควรพักการใช้งานบริเวณที่ได้รับการรักษา เพื่อให้เนื้อเยื่อได้ฟื้นฟูอย่างเหมาะสม

2. ยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ

ปฏิบัติตามท่าบริหารหรือท่ายืดกล้ามเนื้อที่นักกายภาพบำบัดแนะนำ เพื่อช่วยคลายความตึงและเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ

3. ประคบเย็นเมื่อมีอาการบวม

หากมีอาการปวดหรือบวม สามารถใช้ Cold Pack หรือ Ice Massage เพื่อช่วยลดการอักเสบในระยะเริ่มต้น

4. ประคบร้อนเมื่อมีอาการตึง

ในกรณีที่รู้สึกตึงหรือเกร็งกล้ามเนื้อ อาจใช้ความร้อนช่วยคลายความตึง แต่ควรปรึกษานักกายภาพบำบัดก่อนทุกครั้ง

5. ปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

หากอาการเกิดจากพฤติกรรมซ้ำๆ เช่น ออฟฟิศซินโดรม ควรปรับท่านั่ง การจัดโต๊ะทำงาน หรือช่วงเวลาการพักยืดเหยียดให้เหมาะสม

6. หลีกเลี่ยงการนวดแรงในบริเวณที่รักษา

การนวดที่รุนแรงอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น ควรหลีกเลี่ยงจนกว่าเนื้อเยื่อจะฟื้นตัวดี

7. หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการมากขึ้น

ควรกลับมาพบนักกายภาพบำบัดเพื่อประเมินซ้ำและปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสม

FAQ คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ Ultrasound Therapy

Ultrasound Therapy เจ็บไหม? ขณะทำรู้สึกอย่างไร?

Ultrasound Therapy เป็นการรักษาทางกายภาพบำบัดที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก คือ Continuous Mode (คลื่นต่อเนื่อง) และ Pulsed Mode (คลื่นเป็นจังหวะ)

ระหว่างทำการรักษา คนไข้มักจะรู้สึกอุ่นๆ หรือหน่วงเล็กน้อยบริเวณที่รักษา โดยเฉพาะในกรณีที่ใช้โหมดคลื่นต่อเนื่อง ซึ่งจะเกิดความร้อนสะสมในระดับที่พอดี ไม่ร้อนจนเกินไป ความร้อนนี้จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต กระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และลดอาการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม หากรู้สึก ร้อนมาก แสบร้อน หรือไม่สบายผิว ควรแจ้งนักกายภาพบำบัดทันที เพื่อปรับระดับคลื่นให้เหมาะสม เพราะอาจเกิดจากความร้อนสะสมบริเวณผิวชั้นตื้นมากเกินไป

ระหว่างทำการรักษา นักกายภาพบำบัดจะคอยสอบถามความรู้สึกของคนไข้อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับระดับพลังงานและวิธีการให้เหมาะกับสภาพร่างกายของแต่ละคน ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดโอกาสเสี่ยงเจอผลข้างเคียงได้ค่ะ

Ultrasound Therapy เหมาะกับอาการผู้ป่วยระยะไหน?

การรักษาด้วย Ultrasound Therapy สามารถประยุกต์ใช้ได้ในหลายระยะของการบาดเจ็บ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการรักษาและการประเมินของผู้ชำนาญการ โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น

ระยะเฉียบพลัน (Acute Stage)

ใช้โหมด Pulsed เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและลดการอักเสบ โดยไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสมมาก เหมาะกับช่วงที่มีอาการบวม แดง หรือเจ็บจากการบาดเจ็บใหม่ๆ

ระยะกึ่งเฉียบพลันและเรื้อรัง (Subacute & Chronic Stage)

ใช้โหมด Continuous เพื่อส่งพลังงานความร้อนเข้าสู่เนื้อเยื่อในระดับลึก ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด คลายความตึงของกล้ามเนื้อ และลดความเจ็บปวดจากภาวะอักเสบเรื้อรัง

การเลือกโหมดและระดับพลังงานควรอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยและหลีกเลี่ยงการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเพิ่มค่ะ

Ultrasound Therapy อยู่ได้นานแค่ไหน และควรทำกี่ครั้ง

ความถี่และระยะเวลาในการทำ Ultrasound Therapy ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของการรักษาและความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปมักทำ สัปดาห์ละ 1 – 3 ครั้ง ต่อเนื่องประมาณ 2 – 6 สัปดาห์

Ultrasound Therapy มักใช้เป็น เครื่องมือเสริมทางกายภาพบำบัด เพื่อช่วยคลายความตึง ลดการระคายเคืองของกล้ามเนื้อ และเพิ่มประสิทธิภาพของการยืดเหยียด ฝึกกำลัง หรือการฝึกเคลื่อนไหวให้ได้ผลดีมากขึ้น

แพทย์หรือนักกายภาพบำบัดจะเป็นผู้ประเมินและกำหนด

- ความถี่ของการรักษา

- ระยะเวลาในแต่ละครั้ง

- โหมดที่ใช้ (Continuous / Pulsed)

ให้เหมาะสมกับชนิดของเนื้อเยื่อ ความลึกของรอยโรค และการตอบสนองของร่างกายในแต่ละสัปดาห์ หากอาการดีขึ้นเร็ว แพทย์อาจ ลดความถี่ของการทำ Ultrasound และปรับเน้นไปที่โปรแกรมออกกำลังกายหรือการฝึกการเคลื่อนไหวแทน เพื่อเสริมความแข็งแรงและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้นั่นเอง

รีวิว Ultrasound Therapy แก้อาการปวดออฟฟิศซินโดรม

คุณพลอยมาทำ Ultrasound เพราะมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ จากการทำงานหนัก

คุณพลอยมาทำ Ultrasound เพราะมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ จากการทำงานหนัก

รีวิว คุณพลอยมาทำ Ultrasound แก้อาการปวดออฟฟิศซินโดรม

ทำ Ultrasound แก้อาการปวดออฟฟิศซินโดรม ดียังไง?

รีวิว คุณพลอย KOL. มีอาการปวดจากออฟฟิศซินโดรม

เลยมารักษา ทำกายภาพที่ เซนิสต้า คลินิก

หลังทำแล้วรู้สึกขยับตัวสบายมากขึ้นค่ะ

รีวิวคุณกานต์ หลังทำ Ultrasound รู้สึกยังไงบ้าง

คุณกานต์ปวดคอ บ่า ไหล่ เพราะนั่งทำงานนานๆ

เลยมาทำ Ultrasound ที่เซนิสต้า คลินิก หลังทำ

ให้ความรู้สึกเบาตัวทันที ขยับร่างกายแล้วกล้ามเนื้อ

ไม่ตึงเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหายปวดล้ามากๆ

สนใจ ให้เซนิสต้า ดูแลได้เลยค่ะ

เลือกกายภาพบำบัด ที่ไหนดี?

การเลือกสถานที่กายภาพบำบัดเป็นสิ่งสำคัญที่นำไปสู่ผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงได้ ด้วยเหตุนี้ การเลือกกายภาพบำบัดกับผู้ชำนาญการ นอกจากจะช่วยให้ความเจ็บปวดที่มีลดลงแล้ว ยังช่วยยืดผลลัพธ์ให้มีสุขภาพที่ดีในระยะยาวขึ้น ส่งผลต่อสุขภาพจิตที่ดี “เมื่อร่างกายแข็งแรง การเคลื่อนไหวก็กลับมาอิสระอีกครั้ง” จึงไม่มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการได้เล่นกีฬาที่ชอบต่อไป การได้ปีนเขา หรือทำงานอดิเรกที่ราบรื่น กว่าเดิม

ให้ความสำคัญกับสุขภาพของคุณเสมอ เปรียบเสมือน “ปีก” ที่ช่วยให้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระอีกครั้ง เรามีบริการกายภาพบำบัดที่หลากหลายสำหรับอาการปวดจากออฟฟิศซินโดรม และอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง พร้อมเครื่องมือทางกายภาพที่ทันสมัย เช่น Ultrasound, Focus Shockwave, Deep Heat หรือ PMS ทุกขั้นตอนดูแลโดยนักกายภาพบำบัดที่มีประสบการณ์ พร้อมใส่ใจและอัปเดตองค์ความรู้ใหม่อยู่เสมอ เพราะเบื้องหลังการรักษาที่ดี ไม่ได้มีแค่เทคนิค แต่คือ “ความเข้าใจและความใส่ใจในตัวคนไข้”

หากมีอาการปวดเรื้อรังจากออฟฟิศซินโดรม อย่าชะล่าใจ สามารถเข้ามาปรึกษานักกายภาพบำบัดฟรี ได้ที่ Line ID : @ZENISTA หรือ Walk in ทั้ง 2 สาขา ได้ที่ สาขาเพชรบุรี และสาขาชลบุรีค่ะ

บริการแนะนำ